ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 และกลับมายืนที่เหนือระดับ 4,500 จุดได้อีกครั้ง โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มเทคโนโลยี นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,457.31 จุด เพิ่มขึ้น 198.70 จุด หรือ +0.56%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,519.63 จุด เพิ่มขึ้น 33.17 จุด หรือ +0.74% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,129.09 จุด เพิ่มขึ้น 107.28 จุด หรือ +0.71%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลแคร์พุ่งขึ้น 1.31% โดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 2.17% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) เพิ่มขึ้น 1.39% หุ้นจีเลียด ปรับตัวขึ้น 1.52% หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ พุ่งขึ้น 1.14%
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พุ่งขึ้น 2.34% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.60 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.35 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากยอดขายวัคซีนโควิด-19 ที่มีมูลค่าสูงถึง 502 ล้านดอลลาร์
หุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 1.86% หลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เปิดเผยผลการศึกษาพบว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์มีประสิทธิภาพ 93% ในการป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งเป็นเด็กวัย 12-18 ปี ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยขณะนี้ไฟเซอร์กำลังรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้แก่เด็กที่มีอายุ 5-11 ปี
หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 3.03% ขานรับข่าวทั่วโลกให้ความสนใจซื้อยาโมลนูพิราเวียร์เพื่อใช้รักษาโรคโควิด-19 ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่าตัวแทนรัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเดินทางเยือนสหรัฐเพื่อเตรียมเจรจากับบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค เกี่ยวกับการตั้งโรงงานผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ในอินโดนีเซีย
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) แถลงว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาของ FDA ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นบุคคลภายนอก จะจัดการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.เพื่อหารือกันว่าจะให้การอนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ในการรักษาโรคโควิด-19 ในสหรัฐเป็นกรณีฉุกเฉินหรือไม่ โดยหากได้รับการอนุมัติจาก FDA ยาโมลนูพิราเวียร์จะเป็นยาเม็ดรับประทานชนิดแรกในตลาดที่ได้รับการอนุมัติในการรักษาโรคโควิด-19 อย่างเป็นทางการ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.39% หุ้นแอปเปิล บวก 1.51% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 0.32% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.31% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.36%
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทเน็ตฟลิกซ์ และสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 หลังจากตลาดปิดทำการซื้อขาย
ข้อมูลจาก FactSet ระบุว่า ขณะนี้ บริษัทจำนวน 82% ในดัชนี S&P 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว ต่างก็มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 1.6% ในเดือนก.ย. สู่ระดับ 1.555 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.620 ล้านยูนิต จากระดับ 1.580 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. โดยการเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงาน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนต.ค.จากมาร์กิต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 64)
Tags: Nasdaq, S&P500, ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นนิวยอร์ก