การส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวเร็วขึ้น เนื่องจากบรรดาธุรกิจต่าง ๆ แห่เพิ่มคำสั่งซื้อก่อนที่มาตรการภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ (19 มี.ค.) ว่า การส่งออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าเล็กน้อยจากตัวเลขคาดการณ์ที่ 12.6% ขณะที่การนำเข้าลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.8%
ดุลการค้าของญี่ปุ่นกลับมาเกินดุลอีกครั้งที่ 5.845 แสนล้านเยน (3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
เมื่อพิจารณาเป็นรายภูมิภาค มูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10.5% และลดลง 3.3% ในแง่ของปริมาณ ขณะที่ยอดส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น 14.1% ซึ่งน่าจะได้รับอานิสงส์จากเทศกาลตรุษจีน ขณะที่การส่งออกไปยังยุโรปร่วงลง 7.7%
ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่ 9.188 แสนล้านเยนในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบรายปี โดยการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 14% ขณะเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้วิพากษ์วิจารณ์การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นมาเป็นเวลานาน และเมื่อไม่นานนี้ ทรัมป์ได้กล่าวหาว่าญี่ปุ่นและจีนมีข้อได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรมผ่านนโยบายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระแสการค้าโลกกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ เนื่องจากทรัมป์ยังคงดำเนินมาตรการภาษีนำเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเป้าไปที่ประเทศต่าง ๆ เช่น แคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น
จนถึงขณะนี้ ญี่ปุ่นยังไม่ได้รับการยกเว้นภาษีโดยตรงจากรัฐบาลทรัมป์ แม้ว่าผู้นำของทั้งสองประเทศดูเหมือนจะประชุมกันในเชิงบวกเมื่อเดือนก.พ.ก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 68)
Tags: ญี่ปุ่น, มาตรการภาษี, สหรัฐ