กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 4.6251 แสนล้านเยน หรือประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะขาดดุล 3.395 แสนล้านเยน เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบและการอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าสินค้าของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น
ข้อมูลของกระทรวงการคลังระบุว่า ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 8.3% แตะระดับ 8.98 ล้านล้านเยน เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 7.3% และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 5 ส่วนยอดนำเข้าเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 8.3% เช่นกัน แตะที่ระดับ 9.44 ล้านล้านเยน
ยอดส่งออกไปยังสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.8% แตะที่ระดับ 1.80 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 31 และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวแม้ได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ส่วนยอดนำเข้าจากสหรัฐพุ่งขึ้น 29% แตะที่ 1.11 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐลดลง 13.2% แตะที่ระดับ 6.8846 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 15 เดือน
ข้อมูลของกระทรวงยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นส่งออกไปยังประเทศจีนเพิ่มขึ้น 9.6% แตะที่ระดับ 1.59 ล้านล้านเยน และนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 10.8% แตะที่ 2.11 ล้านล้านเยน ส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 14.6% แตะที่ 5.2697แสนล้านเยน และเป็นการขาดดุลการค้าติดต่อกัน 37 เดือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 67)