นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารเจพีมอร์แกน เปิดเผยเมื่อวันพุธ (29 พ.ย.) ว่า ธนาคารจะถอนกิจการออกจากจีนหากรัฐบาลสหรัฐมีคำสั่งลงมา
นายไดมอน กล่าวในการประชุมสุดยอดดีลบุ๊ก ซัมมิต (DealBook Summit) ว่า “หากรัฐบาลสหรัฐต้องการให้ผมถอนธุรกิจจากจีน ผมก็จะออกจากจีน” ระหว่างการหารือเรื่องความขัดแย้งเกี่ยวกับไต้หวันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเสริมว่า “หากเกิดสงครามขึ้นในไต้หวัน คุณก็ควรยกเลิกการเดิมพันทั้งหมด”
เจพีมอร์แกน ระบุบนเว็บไซต์ว่า ธนาคารได้ดำเนินธุรกิจในจีนมาเป็นเวลา 1 ศตวรรษ โดยดำเนินกิจการด้านการลงทุนและการธนาคาร การชำระเงิน และการจัดการสินทรัพย์ โดยความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากการสงครามในอิสราเอลและยูเครน ได้เพิ่มความกังวลว่าจีนจะยื่นมือเข้าไปรุกรานไต้หวัน
นายไดมอนกล่าวเกี่ยวกับประเด็นสงครามไต้หวันว่า “ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่มันก็อาจเกิดขึ้นได้ และนั่นจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับโลกใบนี้ และจะส่งผลเสียอย่างมากต่อจีน”
นายไดมอนมองว่า ความสัมพันธ์กับจีนเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก และชี้ว่า การมีส่วนร่วมกับทั้งจีนและสหรัฐเป็นเรื่องสำคัญ
“ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีสำหรับธนาคารสหรัฐที่จะดำเนินการในจีนต่อ เพื่อช่วยเหลือบริษัทข้ามชาติทั่วโลกและจีนในการพัฒนาตนเอง หากเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล” นายไดมอนกล่าว “แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม หากรัฐบาลสหรัฐบอกว่า ไม่ ทำต่อไปไม่ได้แล้ว เราก็คงต้องยอมรับ”
นอกจากนี้ นายไดมอนยังชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าสหรัฐจะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเม็กซิโกและแคนาดา แต่จีนก็มักจะสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศใกล้เคียง ทั้งยังมีโครงสร้างประชากรที่ไม่เอื้ออำนวยและเป็นปัญหาอีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ย. 66)
Tags: จีน, รัฐบาลสหรัฐ, เจพีมอร์แกน