ซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย และบริเวณโดยรอบบางแห่งจะขยายเวลาล็อกดาวน์เป็น 2 สัปดาห์โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธ์เดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าปกติหลังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 80 ราย
นางแกลดิส เบรีจิเกลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า “แม้ว่าเราจะไม่ต้องการเพิ่มภาระเว้นเสียแต่มันจำเป็นต้องทำจริงๆ และโชคร้ายที่เราจำเป็นต้องทำ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะใช้มาตรการล็อกดาวน์เพียง 3 หรือ 5 วัน”
การประกาศล็อกดาวน์ในรัฐนิวเซาท์เวลส์จะมีจนถึงวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งจะรวมถึงภูมิภาคบลู เมาน์เทนส์, เซนทรัล โคสท์ และวูลลองกอง โดยภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นี้ ประชาชนจะออกจากบ้านได้ในกรณีไปทำงานที่จำเป็น, การดูแลทางการแพทย์, การศึกษา หรือซื้อของ ขณะที่ส่วนอื่นของรัฐจะมีการจำกัดจำนวนการรวมตัวในที่สาธารณะและให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในอาคาร
ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการปิดพรมแดนอย่างรวดเร็ว ใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างสูง โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพียง 30,400 ราย และผู้เสียชีวิตเพียง 910 ราย
อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียเผชิญปัญหาการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 และเกิดการแพร่ระบาดเล็กน้อยในหลายรัฐในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ด้วยการติดตามผู้สัมผัสอย่างรวดเร็ว กักแยกตัวประชาชนหลายพันคน หรือใช้การล็อกดาวน์สั้นๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 64)
Tags: COVID-19, ซิดนีย์, ล็อกดาวน์, ออสเตรเลีย, แกลดิส เบรีจิเกลียน, โควิด-19