นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวปิดท้ายการอภิปรายพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 500,000 ล้านบาทว่า สภาฯจะไม่ติดใจการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท หากสามารถนำไปแก้ปัญหาได้จริง และไปฟื้นฟูเศรษฐกิจได้จริง แต่เลือกตีเช็คเปล่า และได้อำนาจพิเศษในการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง และสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป คือ ไม่เชื่อในความโปร่งใสและตรวจสอบได้ เพราะในพ.ร.ก.กู้เงินไม่สามารถตรวจสอบโครงการได้เลย
เนื่องจากการที่รัฐบาลประกาศให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับการเป็นภาระแห่งชาติ เพราะแผนบริหารเป็นไปด้วยความล่าช้า เป็นการทำลายระบบสาธารณสุข และถือว่ารัฐบาลบริหารวัคซีนด้วยความล้มเหลว ไร้ความสามารถ
ทั้งนี้ สิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือ การทำลายระบบสุขภาพ เพราะเป็นการทำงานไร้จิตสำนึก ไร้ทิศทาง ไร้การบริหารที่ถูกต้อง เพราะไปมอบภาระแพทย์และพยาบาลโดยไม่จำเป็น ศักยภาพโรงพยาบาลก็ไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วย จนต้องมีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม จนทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
“หมอประยุทธ์มาแก้ปัญหาประเทศ บริหารภาวะวิกฤต ถามว่าทำไมล้มเหลว ทำไมแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะน่าจะมีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง สภาแห่งนี้ต้องไปขุดคุ้ยและนำมาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ได้ หนึ่งคือผลประโยชน์ทางการเมือง สองผลประโยชน์ทางเม็ดเงิน”
นพ.ชลน่าน กล่าว
อีกทั้งจากการชี้แจงต่อสภาฯเมื่อวานนี้ ทำให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีภาวะผู้นำเป็นการพูดจาเสียดสี ถากถาง เยาะเย้ย ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านไม่เชื่อมั่นในตัวนายกรัฐมนตรี หากเปรียบในวงการแพทย์จะถูกถอนใบประกอบอนุญาตวิชาชีพ เพราะจากทำงานทำให้คนไข้ป่วยหนัก และเสียชีวิตกว่า 1,300 รายภายในเวลา 2 เดือน และมีคนไข้สะสมเป็นแสนคน อีกทั้งรัฐบาลทำให้ข้อมูลเกิดความสับสน เมื่อสภาฯชี้แจงข้อเท็จจริงจนทำให้นายกรัฐมนตรีไม่พอใจ
“ภาวะแบบนี้ว่า โรคหลงตัวเอง เชื่อมั่นตัวเอง ไม่ฟังใครและเป็นที่หนึ่ง ผู้นำแบบนี้สิ่งที่น่าห่วงที่สุดนำพาประเทศไปลงเหวล่มจม”
นพ.ชลน่าน กล่าว
ฝ่ายค้านทั้งหมดจึงไม่เห็นชอบพ.ร.ก.ฉบับนี้ เพราะไม่สามารถระงับยับยั้งโรคระบาดได้ ไม่สามารถที่จะเยียวยาได้ตรงปัญหา ไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ และมองว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน สามารถทำเป็นงบประมาณปกติได้ไม่จำเป็นต้องใช้กฏหมายพิเศษ และภาวะผู้นำไม่เหมาะเป็นผู้นำประเทศ และการจะฟื้นฟูประเทศและยับยั้งโรคระบาดได้ คือ ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำ ถ้าจะยุบสภาก็ยุบเลยไม่ต้องมาขู่ส.ส. ให้ประชาชนตัดสิน และการที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีเวลาอีก 1 ปี เสมือนเป็นสัญญาณซึ่งถือว่าเป็นไปได้ เพราะการยื่นร่างรัฐธรรมนูญไปแก้ไขจะเสร็จสิ้นอีกประมาณ 1 ปี ซึ่งเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเสร็จจะมีการยุบสภา หรือนายกรัฐมนตรี จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ถอนใบอนุญาตตัวเอง ให้คนที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาทำหน้าที่แทน
“ท่านลาออก ประชาชนจะยกย่องท่านเป็นวีรบุรุษ แต่ถ้าท่านดื้อดึงต่อไป ท่านจะเป็นคนที่ประชาชนเกลียดชังมากที่สุด ถึงกับขนานนามว่าเป็นทรราชย์ เพราะท่านเข่นฆ่า ทำร้ายประชาชน ออกเถอะครับเพื่อบ้านเพื่อเมือง”
นพ.ชลน่าน กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มิ.ย. 64)
Tags: กระทรวงการคลัง, ชลน่าน ศรีแก้ว, นายกรัฐมนตรี, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ฝ่ายค้าน, พ.ร.ก.กู้เงิน, พรรคเพื่อไทย, ยุบสภา, รัฐธรรมนูญ, รัฐบาล, ส.ส.