ชงครม. ปลด “อ.ยะหา” จ.ยะลา พ้นพื้นที่ฉุกเฉิน หลังเหตุรุนแรงคลี่คลาย

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เผย ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาปรับลดพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ออกจากพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เนื่องจาก อ.ยะหา เป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมในทุกมิติ และผ่านเกณฑ์สถิติตามตัวชี้วัดอย่างต่อเนื่อง นับเป็นอำเภอลำดับที่ 16 ที่มีการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากทั้งหมด 33 อำเภอ

พร้อมกันนี้ ยังเห็นชอบให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ เสนอ ครม.พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดนราธิวาส ยกเว้น อ.ยี่งอ อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง และ อ.สุคิริน, จังหวัดปัตตานี ยกเว้น อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ อ.มายอ อ.ไม้แก่น อ.ทุ่งยางแดง อ.กะพ้อ และ อ.แม่ลาน และจังหวัดยะลา ยกเว้น อ.เบตง อ.ยะหา อ.รามัน อ.กาบัง และอ.กรงปินัง) ออกไปอีก 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.68

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับวิธีการทำงาน และยุทธศาสตร์ในการกำหนดเป้าหมายทั้งหมด ว่ามาถูกต้องและถูกทางหรือไม่ และให้โจทก์ไปหลายข้อกับทุกหน่วยราชการ ใหช่วยกันคิดในสิ่งที่เป็นคำถามว่า เหตุใดสถานการณ์เกือบ 20 ปี จึงยังเป็นไปในทิศทางที่ไม่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งสิ่งที่ได้ถามไปถ้ายังไม่มีการทบทวนหรือประเมิน จะทำให้สถานการณ์อยู่อย่างเดิม รวมทั้งถ้าไม่คิดวิธีใหม่ ผลก็ได้อย่างเดิม ดังนั้นจึงต้องทบทวนว่าที่ทำมาทั้งหมด เหมาะสมถูกต้องมากน้อยเพียงใด โดยได้ให้ไปดูรายละเอียด ทั้งยุทธศาสตร์ รวมทั้งได้พูดถึงผู้เจรจา

“ขณะนี้ ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งผู้เจรจา จึงเสนอว่ายุทธศาสตร์ต้องชัด จึงจะสามารถกำหนดยุทธวิธีที่จะจัดการปัญหา แล้วถึงจะกำหนดตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำเนินการ เป็นสิ่งที่ประชาชนยังเป็นห่วง ซึ่งภายในเดือน ม.ค.นี้ เลขาธิการ สมช.รับปากจะไปดำเนินการหาข้อสรุปตรงนี้มาให้ ส่วนของหน่วยงานที่ปฏิบัติในพื้นที่ เนื่องจาก สมช.เป็นฝ่ายนโยบาย จึงอยากให้ฟังพื้นที่ให้มาก หากตรงไหนมีความลำบากใจที่จะพูดคุย ส่งข้อมูลมาให้ผม หรือเลขาธิการ สมช.ได้โดยตรง เพื่อจัดการแก้ไขปัญหาและทำให้ดีขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม เชื่อว่า การที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียน จะส่งผลดีกับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มากขึ้น เพราะในปัญหามีเรื่องของมาเลเซียด้วย และเท่าที่ดูในวันนี้ นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ก็ปรารถนาทำให้พื้นที่ของชายแดนสองจังหวัดมีความสงบ เป็นพื้นที่สามารถพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจได้ ดังนั้นความมุ่งหวังที่ตรงกันในส่วนนี้ และการที่คนไทยไปเป็นที่ปรึกษา เพื่อช่วยดูก็น่าจะทำให้ผลประโยชน์ในประเทศไทยและสิ่งต่าง ๆ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

“ทั้งหมดมีท่าทีที่ดี ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องทางปฏิบัติดีกว่า หากพูดไป จะยากลำบากในการทำงาน” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การทำงานเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ไม่มีปัญหา ความลำบากคืองานของเรา หากตั้งใจและทำให้เกิดความชัดเจนว่าปรารถนาดี ทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากได้ คิดว่าทุกคนจะต้อนรับ เรื่องนี้เหมือนกับการแย่งชิงมวลชน ถ้าเรามองมวลชนเป็นเป้าหมาย และให้ประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน แม้ว่าอาจจะถูกฝ่ายคัดค้านต่อต้าน หรือทำร้าย ก็ต้องระมัดระวัง ป้องกันคนของเราอย่างเต็มที่ แต่เป็นภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ ย้ำว่าไม่น่ากังวลใจอะไร เพียงแต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้พอดี ขณะนี้ได้ให้ไปทบทวนทั้งกฎหมาย และสิ่งต่าง ๆ ที่จะเอื้ออำนวยในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งวิธีการทำงานทั้งหมดด้วย ส่วนคณะพูดคุย หากยุทธศาสตร์ชัด ก็จะตั้งคณะพูดคุยได้ถูก เพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลาย เพราะตั้งใจอยากทำให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปสู่ในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อคนที่อยู่ในพื้นที่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ม.ค. 68)

Tags: , , ,