นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมสรรพากรว่า ได้มอบโจทย์ให้ 3 กรมจัดเก็บภาษี ไปเร่งพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งยอมรับว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาในหลายมาตรการ ทั้งใหม่และเก่า ซึ่งอาจนำกลับมาทำอีก เช่น โครงการ Easy e-Receipt แต่จะต้องไปพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติมว่า จำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่
ทั้งนี้ จากการหารือของคณะทำงานด้านเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา พบว่า เศรษฐกิจไทยยังมีปัญหาหลายจุด ทั้งภาคการผลิต ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณากลไกในการกระตุ้นที่มีความเหมาะสม โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นระยะสั้น ในช่วง 5 เดือนที่อยู่ระหว่างเร่งผลักดันโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้
ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวนั้น มองว่า เป็นเรื่องของการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ซึ่งกลไกทางภาษีจะมีส่วนสำคัญ เพื่อที่จะกำกับธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับแนวนโยบาย หรือมาตรการของรัฐ เช่น เรื่อง ESG เรื่องฝุ่น ควัน กลไกในการช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ผู้สูงอายุ รวมถึงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ (S-curve) อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจในระยะยาว และเพื่อให้ไทยกลับมาอยู่ในขีดความสามารถในการแข่งขันที่เหมาะสม
รมช.คลัง กล่าวด้วยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมสรรพากรเร่งขยายฐานภาษี โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็น Zero Tax Gap ในปี 2570 รวมถึงการเร่งปรับปรุงข้อกฎหมายต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เพื่อให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีได้ง่ายขึ้น
“จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ แนวทางหนึ่ง คือดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ หาหนทางในการขยายฐานภาษี รวมทั้งสร้างกลไกในการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน เพื่อให้เข้าใจว่าการเสียภาษีแล้วจะเกิดประโยชน์อย่างไร ภาษีที่ถึงรัฐแล้วท้ายที่สุดจะกลับไปถึงมือประชาชนได้อย่างไร สร้างกลไกและระบบในการยื่นแบบให้กับประชาชนที่สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงกระบวนการในการลดหย่อนภาษี” นายจุลพันธ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร, กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ในปีงบประมาณ 2567 นั้น ยอมรับว่า อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 1 กรม คือ กรมสรรพสามิต เป็นผลจากการลดภาษีน้ำมัน เพื่อช่วยเหลือประชาชน ถือเป็นเรื่องปกติ โดยหากให้ทำอีกก็จะทำเรื่อย ๆ เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน แต่การจัดเก็บที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายนั้น ไม่มีผลกระทบกับการดำเนินงานของภาครัฐ เพราะเป็นเพียงการพลาดเป้าเล็กน้อย และรัฐบาลมีกลไกทาง พ.ร.บ.งบประมาณ, พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และเงินคงคลังในการบริหารจัดการตามกรอบกฎหมาย
นายจุลพันธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ว่า ล่าสุดได้นำข้อมูลส่งกลับไปยังฝ่ายนโยบายพิจารณา โดยจะมีการประชุมเพื่อหารือแนวทางร่วมกันอีกครั้ง แต่ยังไม่มีกำหนดเวลาในขณะนี้ โดยเรื่องนี้ หากฝ่ายนโยบายตัดสินใจดำเนินการ ก็เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ เพราะมีกลไกเดิมที่รองรับอยู่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 67)
Tags: Easy E-Receipt, กรมภาษี, กรมสรรพากร, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ