นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยม และติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ที่ด่านพรมแดนสุไหง-โกลก พร้อมหารือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน ร่วมกับนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย, จังหวัดนราธิวาส, กระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน รวมทั้งหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับประเด็นแรก คือ เรื่องการเปิดด่านที่จังหวัดนราธิวาสเพิ่มเติม 2 ด่าน คือ ด่านตากใบ และด่านบูเก๊ะตา ซึ่งทั้ง 2 ด่านนี้ได้ปิดมาตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 63 โดยจังหวัดนราธิวาสเป็นผู้สั่งปิด ในฐานะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด อย่างไรก็ดี ขณะนี้สถานการณ์โควิดค่อยๆ คลี่คลายขึ้น จึงมีความเห็นว่าควรจะได้เปิดด่าน 2 ด่านนี้อีกครั้ง เพื่อให้การค้าชายแดนระหว่างไทย กับมาเลเซียเดินหน้าคล่องตัวขึ้น และจะเป็นช่องทางในการนำรายได้เข้าประเทศเพิ่มเติม
ทั้งนี้ จังหวัดนราธิวาสรายงานว่า พร้อมที่จะเปิดด่านตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทางฝั่งมาเลเซียด้วย ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้จังหวัดนราธิวาส เตรียมความพร้อมในส่วนของฝั่งไทย และให้ทูตพาณิชย์ไทยประจำมาเลเซียประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเตรียมการเปิดด่าน และกำหนดวันเวลาที่สอดคล้อง ส่วนขั้นตอนเอกสารนั้น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด
ประเด็นถัดมา คือ ปัญหาการอำนวยความสะดวกการส่งสินค้าผ่านแดน ของด่านสุไหงโก-ลก ซึ่งมีความเข้าใจคาดเคลื่อนในเรื่องของผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนที่จะส่งออกไปยังมาเลเซีย โดยภาคเอกชนเข้าใจว่าจะต้องมีเอกสาร GAP ถึงจะส่งไปได้ ในขณะที่ข้อเท็จจริงที่ได้รับคำยืนยันจากอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ระบุว่าไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร GAP จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายรับทราบ และนายด่านสุไหงโก-ลกเข้าใจแล้วว่า จะไม่มีการเรียกเอกสารนี้
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการรายย่อย ขายสินค้าให้กับชาวมาเลเซียผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งอาจมีปริมาณของแต่ละสัญญาซื้อขายไม่มากนัก แต่มีปัญหาอุปสรรคในเรื่องของการส่งสินค้าทีละน้อยข้ามแดนไปยังผู้ซื้อที่มาเลเซีย ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้นายด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก บริษัทชิปปิ้ง และภาคเอกชนผู้ประกอบการรายย่อย ประชุมหารือกัน เพื่อหาช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้ต่อไป
สำหรับประเด็นที่ภาคเอกชนขอให้ไปรษณีย์ไทยช่วยลดค่าบริการส่งสินค้าบางกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันไปรษณีย์ลดค่าบริการโลจิสติกส์ผ่านไปรษณีย์ไทยให้รายการต่างๆ มากแล้ว เช่น ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป ซึ่งลดราคาค่าส่งไปรษณีย์เป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว แต่หากมีสินค้าใดเพิ่มเติม และมีปริมาณตามสมควร ให้รวบรวมและเจรจากับไปรษณีย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดต่อไปได้ โดยไปรษณีย์ไทยจะใช้ดุลยพินิจในการช่วยอำนวยความสะดวกต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 64)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ธุรกิจชายแดน