คณะรัฐมนตรีจีนได้ออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ (CO2) ในปริมาณสูงสุดก่อนถึงปี 2573 และบรรลุเป้าหมายในการสร้างสมดุลคาร์บอน (carbon neutrality) โดยจะลดการปล่อย CO2 ลงเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603 ตามเจตนารณ์ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศไว้ในการประชุมครบรอบ 75 ปีแห่งการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ (UN)
อย่างไรก็ดี คณะรัฐมนตรีจีนให้คำมั่นว่า การใช้มาตรการเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวนั้น รัฐบาลจะพิจารณาถึงความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานควบคู่กันไปด้วย
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่จีนเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรง ซึ่งบดบังความพยายามของจีนในการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่กำลังเตรียมเข้าร่วมเจรจาในการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศ COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ในวันที่ 31 ต.ค.นี้
สำนักข่าวซินหัวเผยแพร่เอกสารของคณะรัฐมนตรีจีน ซึ่งระบุว่า จีนควรบริหารจัดการเรื่องการลดมลพิษและคาร์บอน ควบคู่ไปกับสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน, อาหาร, ห่วงโซ่อุปทานในภาคอุตสาหกรรม และวิถีชีวิตที่ปกติของประชาชน
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีจีนยังเรียกร้องการรับมือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและคาร์บอนต่ำ เพื่อป้องกันไม่เกิดปฏิกริยาที่รุนแรงเกินไป และรับรองการลดคาร์บอนอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศหวังว่า จีนจะเริ่มลดการใช้ถ่านหินได้เร็วกว่าเป้าหมายปัจจุบันในปี 2569 อย่างไรก็ดี ภาวะขาดแคลนพลังงานได้กดดันให้รัฐบาลต้องเร่งผลิตเชื้อเพลิงเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 64)
Tags: UN, ก๊าซเรือนกระจก, จีน, พลังงาน, สี จิ้นผิง, ห่วงโซ่อุปทาน, อาหาร, เศรษฐกิจจีน