จีนดึงน้ำมันดิบในคลังมาใช้ในเดือนก.ค. ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากการนำเข้าที่ชะลอตัวลงและโรงกลั่นน้ำมันต่าง ๆ จำเป็นต้องผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และการส่งออกเชื้อเพลิงกลั่นที่เพิ่มมากขึ้น
โรงกลั่นต่าง ๆ ใช้น้ำมันดิบราว 510,000 บาร์เรลต่อวัน จากคลังในเดือนก.ค. นับเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือนที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลง
ทั้งนี้ จีนไม่ได้เปิดเผยปริมาณน้ำมันดิบที่ไหลเข้าหรือออกจากคลังน้ำมันเชิงกลยุทธ์หรือเชิงพาณิชย์ แต่สามารถคาดการณ์ปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ได้ โดยการหักลบปริมาณน้ำมันดิบที่ผ่านกระบวนการกลั่นออกจากปริมาณน้ำมันดิบทั้งหมดที่มีจากการนำเข้าและการผลิตภายในประเทศ
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันอังคารนี้ (15 ส.ค.) ว่า โรงกลั่นของจีนผลิตน้ำมัน 63.13 ล้านตันในเดือนก.ค. เทียบเท่ากับ 14.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. 2565 และเป็นเดือนที่มีการกลั่นน้ำมันดิบสูงสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบในระดับบาร์เรลต่อวัน รองจากระดับ 14.9 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. และเทียบเท่ากับระดับ 14.87 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนเม.ย.
ปริมาณน้ำมันดิบสำหรับส่งไปยังโรงโรงกลั่น อยู่ที่ 14.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมาจากการนำเข้า 10.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน และการผลิตในประเทศ 4.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อหักลบปริมาณการผลิตของโรงกลั่นออกจากปริมาณน้ำมันดิบทั้งหมดแล้ว พบว่าน้ำมันดิบขาดดุล 510,000 บาร์เรลต่อวัน
ทั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 ที่กระบวนการผลิตของโรงกลั่นมีปริมาณการผลิตเกินกว่าปริมาณน้ำมันดิบที่มีอยู่ ซึ่งช่องว่างระหว่างปริมาณน้ำมันในเดือนดังกล่าวอยู่ที่ 375,000 บาร์เรลต่อวัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 66)