สำนักงานกำกับดูแลด้านการเงินแห่งชาติจีน (NFRA) ประกาศใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดต่อธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค ด้วยการปรับเพิ่มเพดานเงินทุนสำหรับบริษัทการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (non-bank financial firms) ที่ให้บริการปล่อยเงินกู้ให้กับลูกค้ารายย่อย
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า NFRA ประกาศกฎระเบียบดังกล่าวในวันนี้ และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 18 เม.ย. โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลจีนกำลังดำเนินการคุมเข้มธุรกิจในภาคการเงิน
ทั้งนี้ กฎระเบียบใหม่กำหนดว่า บริษัทที่มีคุณสมบัติในการปล่อยกู้ให้กับผู้บริโภค ซึ่งไม่รวมถึงเงินกู้เพื่อการซื้อบ้านและรถยนต์นั้น จำเป็นจะต้องมีเงินทุนจดทะเบียนขั้นต่ำมูลค่า 1 พันล้านหยวน (139 ล้านดอลลาร์) ซึ่งสูงกว่าเงินทุนที่กำหนดไว้ในปี 2557 ถึง 3 เท่า
แถลงการณ์ของ NFRA ระบุว่า นักลงทุนที่ทำธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคจะถูกแบ่งออกเป็นนักลงทุนกลุ่มหลักและนักลงทุนทั่วไป โดยนักลงทุนกลุ่มหลักจะต้องถือครองหุ้นอย่างน้อย 50%
ส่วนสถาบันการเงินที่เป็นนักลงทุนกลุ่มหลักจะต้องมีสินทรัพย์โดยรวมขั้นต่ำอยู่ที่ 5 แสนล้านหยวน (6.945 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในปีงบการเงินปัจจุบัน
ขณะที่นักลงทุนกลุ่มหลักที่ไม่ใช่สถาบันการเงินนั้น จะต้องมีรายได้จากการดำเนินงานอย่างน้อย 6 หมื่นล้านหยวน (8.3 พันล้านดอลลาร์) ในปีงบการเงินปัจจุบัน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนพยายามจำกัดการเติบโตของหนี้สินในธุรกิจนอกภาคธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินกู้ที่ปล่อยโดยธนาคารเงาซึ่งอยู่นอกระบบธนาคาร
ในช่วงต้นเดือนธ.ค. 2566 มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนลงสู่ระดับ “เชิงลบ” จาก “มีเสถียรภาพ” โดยระบุว่ามาตรการพยุงภาคการเงินของรัฐบาลจีนนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อสถานะการคลังและเศรษฐกิจของประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 67)