กระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันศุกร์ (27 ธ.ค.) ว่า สหรัฐฯ มีอัตราคนไร้บ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 18% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ราคาที่อยู่อาศัยและเงินเฟ้อสูง, ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ, ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการย้ายถิ่นฐานที่เพิ่มขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปัญหาคนไร้บ้านในสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น โดยสามารถพบเห็นผู้คนที่ยากไร้ใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งและตั้งเต็นท์บนทางเท้าในหลายเมืองได้เป็นเรื่องปกติ ทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นต่างพยายามแก้ไขวิกฤตนี้ด้วยกลยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไป
จากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์พบว่า มีประชากรทั้งหมด 771,480 คน หรือประมาณ 23 คนต่อประชากรทุกๆ 10,000 คนในสหรัฐฯ ประสบภาวะไร้บ้าน ไม่ว่าจะอยู่ในศูนย์พักพิงฉุกเฉิน, ที่พักพิงชั่วคราว, โครงการที่อยู่อาศัยระยะเปลี่ยนผ่าน หรืออาศัยอยู่กลางแจ้งที่ไม่มีที่กำบังถาวร
ข้อมูลบ่งชี้ว่า จำนวนคนไร้บ้านเพิ่มขึ้น 18% ระหว่างปี 2566 ถึง 2567 ซึ่งมากกว่าการเพิ่มขึ้น 12% ที่รายงานไว้ในข้อมูลประจำปีก่อนหน้านี้
ระหว่างปี 2566 ถึง 2567 จำนวนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ประสบปัญหาไร้บ้านในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุด 33% โดยมีเด็กประมาณ 150,000 คนที่ต้องเผชิญกับวิกฤตนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ธ.ค. 67)