ตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค. นี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกของปี 2568 รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยคาดว่าการแสดงความเห็นของพาวเวลอาจจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
การประชุมครั้งนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) เมื่อวันที่ 23 ม.ค. โดยเขากล่าวว่า “ผมขอเรียกร้องให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที และเช่นเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกควรจะปรับลดลงตามเรา”
แม้ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เอ่ยชื่อเฟดโดยตรงในคำเรียกร้องดังกล่าว แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเขาจะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลง นอกจากนี้ คำพูดดังกล่าวยังบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์กำลังกดดันเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพาวเวลซึ่งถูกปธน.ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอดเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ การที่ทรัมป์กดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค. และเป็นปัจจัยหนุนดัชนี S&P500 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.นี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ พาวเวลจะส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณในการประชุม WEF ว่าเขาต้องการให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 68)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, สหรัฐ, อัตราดอกเบี้ย, เจอโรม พาวเวล, เฟด