เอลบริดจ์ คอลบี ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายนโยบายการป้องกันประเทศ กล่าวว่า ไต้หวัน ซึ่งกำลังเผชิญ “ภัยคุกคามที่ใหญ่ขึ้น” จากจีน ควรพิจารณาเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเป็นปีละประมาณ 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
คอลบีกล่าวแสดงความเห็นดังกล่าวในระหว่างการพิจารณายืนยันการแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งระดับสูง (Confirmation Hearing) ของวุฒิสภา เมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) พร้อมทั้งเรียกร้องให้พันธมิตรของสหรัฐฯ เช่น ญี่ปุ่น เพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศของตัวเอง และมีความรับผิดชอบมากขึ้นต่อความมั่นคงของตัวเอง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คอลบีแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศที่สำคัญ ๆ ตั้งแต่อนาคตของไต้หวันและยูเครน ไปจนถึงภัยคุกคามจากจีนและเกาหลีเหนือ
คอลบีกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภาว่า คณะบริหารของทรัมป์ทราบดีว่า สหรัฐฯ มีผลประโยชน์ด้านความมั่นคงที่สำคัญในไต้หวัน และสหรัฐฯ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการตอบโต้อิทธิพลทางการทหารของจีนที่กำลังขยายตัวขึ้น
“การล่มสลายของไต้หวันจะเป็นหายนะต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ” คอลบีกล่าว และเสริมว่า เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังจุดยืนของเขาคือ สมดุลทางทหารในการเผชิญหน้ากับจีนนั้นเสื่อมถอยลงอย่างมาก
คอลบีระบุว่า การเสริมแกร่งกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคแห่งนี้ “โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ทั้งใน “ระยะกลางและระยะยาว” จะเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของเขา หากวุฒิสภาพิจารณายืนยันการแต่งตั้งให้คอลบีดำรงตำแหน่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 มี.ค. 68)
Tags: GDP, GDP สหรัฐ, กระทรวงกลาโหมสหรัฐ, เพนตากอน, ไต้หวัน