พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 เปิดเผยถึงกรณีคดีตากใบกับการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ และการแก้ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ว่า ในวันที่ 25 ต.ค.นี้ หากคดีตากใบหมดอายุความ มีแนวโน้มจะเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ และสิ่งที่ห่วงใย คืออาจมือที่สามจะมาสวมรอย ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้เน้นย้ำว่าให้ดูแลในพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุ และในส่วนการกระทำต่าง ๆ ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมายที่สามารถจะทำได้ พร้อมขอความร่วมมือจากผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานความมั่นคง และได้มีการควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าว สำหรับการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ทั่วไปทำอยู่แล้ว แต่อาจจะยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น
- ปชน. จ่อเสนอญัตติด่วน
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ในการประชุมสภาฯ วันที่ 25 ต.ค. นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน จะเสนอญัตติด่วนเพื่อทางออกเรื่องคดีตากใบ คาดหวังว่าทางวิปรัฐบาลจะเห็นด้วย เพราะเป็นความขัดแย้งกันมานาน และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนไทยในภาคใต้ขัดแย้งกัน เราคิดว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้จำเป็นต้องใช้การเมืองในการแก้ไข
ดังนั้นในฐานะ สส.ที่มาจากประชาชน ก็ต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยอย่างจริงจัง เพื่อหาทางออก เมื่อคดีกำลังจะหมดอายุความ แต่ยังไม่สามารถตามตัวผู้ต้องหาได้แม้แต่คนเดียวจะต้องทำอย่างไร เพื่อสร้างความสันติสุขในชายแดนใต้ต่อไป หวังว่าฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาชาติที่จะได้ร่วมพูดคุยในเรื่องนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า คดีการสลายการชุมนุมตากใบ ซึ่งเกิดขึ้นในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร กำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งจำเลยสำคัญในคดีและเป็นอดีตสส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ยังคงลอยนวลไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จึงขอเรียกร้องรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แสดงความจริงใจ เพื่อทำทุกวิถีทางในการติดตามตัวจำเลยที่หลบหนีคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อคงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐ นิติธรรม ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง
ขณะที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการขอโทษต่อประชาชน กรณีเหตุการณ์คดีตากใบ แม้เหตุการณ์จะผ่านพ้นไปนานเพียงใดก็ตาม
นอกจากนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องกระตือรือร้นในการสืบหาตัวจำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลอย่างถึงที่สุดก่อนคดีจะหมดอายุความ
อีกทั้งรัฐบาลควรปรับแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยนำหลักยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และ นโยบายการเมืองนำการทหาร ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 มาประยุกต์ใช้ โดยสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยสันติภาพด้วยความจริงใจ เพื่อลดการแก้ไขปัญหาความรุนแรง โดยยึดหลักการ “ให้อภัย” อันจะเป็นหลักการสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบ และเหตุการณ์อันเจ็บปวดเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ต.ค. 67)
Tags: ชายแดนใต้, ตากใบ, ไพศาล หนูสังข์