นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า เธอได้พูดคุยกับนายไล ชิง-เท รองประธานาธิบดีไต้หวันเมื่อวันพฤหัสบดี (27 ม.ค.) ที่ประเทศฮอนดูรัส หลังจากรองปธน.ทั้งสองเดินทางไปเข้าร่วมพิธีเข้ารับตำแหน่งปธน.คนใหม่ของฮอนดูรัส
นางแฮร์ริสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า บทสนทนากับนายไลเป็นการ “พูดคุยกันสั้น ๆ” เกี่ยวกับ “ผลประโยชน์ร่วมกัน” ในอเมริกากลาง โดยไม่ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับจีนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี การพบกันดังกล่าวอาจสร้างความไม่พอใจให้กับจีนซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน นอกจากนี้ จีนยังมีความระวังเป็นพิเศษต่อท่าทีใด ๆ ของสหรัฐที่ดูเหมือนเป็นการติดต่อกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวสรุปให้ผู้สื่อข่าวในวันพุธก่อนนางแฮร์ริสจะเดินทางไปฮอนดูรัสเปิดเผยว่า ไม่มีแผนการประชุมร่วมกันระหว่างรองปธน.สหรัฐและไต้หวัน
จีนและไต้หวันปกครองแยกกันนับตั้งแต่แยกตัวในปี 2492 จากผลของสงครามกลางเมือง และความสัมพันธ์ก็ย่ำแย่ลงนับตั้งแต่นางไช่ อิงเหวิน ซึ่งมีท่าทีสนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวันในปี 2559
ทั้งนี้ สหรัฐเปลี่ยนท่าทีทางการทูตจากยอมรับไต้หวันเป็นจีนในปี 2522 แต่ยังคงความสัมพันธ์กับไต้หวันไว้แม้ว่าจะไม่เป็นทางการ และช่วยเหลือไต้หวันในการรักษาความสามารถในการป้องกันตัวเองผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การขายอาวุธ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ม.ค. 65)
Tags: ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, คามาลา แฮร์ริส, จีน, สหรัฐ, ไต้หวัน