นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการจีนจะเปิดเผยในวันจันทร์หน้า (17 มี.ค.) จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีเสถียรภาพในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กลับเข้ามาบริหารประเทศอีกครั้ง และเริ่มเปิดฉากการทำสงครามการค้ากับจีนเป็นรอบที่สอง
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) จะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในวันจันทร์ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.-ก.พ., ยอดค้าปลีกเดือนม.ค.-ก.พ. และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนม.ค.-ก.พ.
นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. จะเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับตลอดปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 5.8% ขณะเดียวกันคาดว่ายอดค้าปลีกในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. จะเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 3.5% และคาดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. จะเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 3.2%
หลักฐานที่แสดงว่าเศรษฐกิจจีนซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกสามารถต้านทานแรงกดดันจากสงครามการค้าได้นั้น ปรากฎให้เห็นหลังจากที่รัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กำหนดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณที่สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ และได้คงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2568 เอาไว้ที่ประมาณ 5%
ปธน.สี จิ้นผิง พยายามสนับสนุนภาคเอกชนในปีนี้ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับบรรดาผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงแจ็ก หม่า ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง (Alibaba Group Holding) โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาด
นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุมสองสภา (Two Sessions) ในเดือนนี้ ผู้นำระดับสูงของจีนได้ยกให้การกระตุ้นการอุปโภคบริโภคเป็นวาระสำคัญสูงสุด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปธน.สี จิ้นผิง ขึ้นสู่อำนาจเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 68)
Tags: จีน, เศรษฐกิจจีน