นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนเม.ย. 67 มีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวในหลายภูมิภาค และการบริโภคอุปโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะในภาคใต้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวในบางภูมิภาค
- ภาคใต้
มีปัจจัยสนับสนุนจากการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ 5.9% 14.1% และ 37.7% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -19.8% ต่อปี แต่ขยายตัวที่ 8.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 59.3 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 60.1 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ หดตัวที่ -23.8% และ -20.3% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 5.1% และ 8.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว
ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 90.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.0 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ 30.2% และ 22.3% ต่อปี ตามลำดับ
- ภาคกลาง
มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ 6.4% และ 5.3% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -10.9% และ -4.4% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 20.1% และ 2.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 60.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 61.3 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -15.8% ต่อปี แต่ขยายตัวที่ 6.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -21.5% ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว
ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 96.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.4 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ 12.9% และ 24.4% ต่อปี ตามลำดับ
- กทม. และปริมณฑล
มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ 5.9% และ 6.5% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -21.8% และ -7.3% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 7.2% และ 14% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 61.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 62.7 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -5.1% ต่อปี แต่ขยายตัวที่ 14.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -42.7% ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว
ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 96.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.4 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ 6.7% และ 10.6% ต่อปี ตามลำดับ
- ภาคเหนือ
มีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ 4.7% และ 3.3% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -14.1% และ -1.6% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 10.3% และ 1.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 62.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 63.4 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -22.4% ต่อปี แต่ขยายตัวที่ 2.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -20.4% ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการหดตัว
ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 90.2 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 91.9 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ 6.9% และ 14.9% ต่อปี ตามลำดับ
- ภาคตะวันออก
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวที่ 0.2% และ 2.4% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรหดตัวที่ -28.2% และ -25.7% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 9.9% และ 38.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 64.7 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 65.7 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุก ส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -27.5% ต่อปี แต่ขยายตัวที่ 3.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -5.8% ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ 170.6% ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตผ้าอ้อมสำเร็จรูป ในจังหวัดสระแก้ว เป็นสำคัญ
ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 88.6 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 90.9 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ 16.9% และ 17.1% ต่อปี ตามลำดับ
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ 8.8% และ 1.7% ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -11.8% และ -0.4% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 12.6% และ 10.7% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 64.4 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 65.4 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -21.0% และ -4.6% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 16.4% และ 13.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวที่ 1,042.2% ต่อปี โดยเป็นการลงทุนในโรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็คทรอนิกส์ ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นสำคัญ
ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 76.1 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 77.6 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนขยายตัวที่ 19.1% และ 22.6% ต่อปี ตามลำดับ
- ภาคตะวันตก
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกร และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวชะลอลง โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวที่ 10.3% ต่อปี จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -10.8% และ -16.5% ต่อปี ตามลำดับ แต่ขยายตัวที่ 10.3% และ 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่หดตัวที่ -10% ต่อปี
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 60.9 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 61.3 เครื่องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่หดตัวที่ -25.4% ต่อปี แต่ขยายตัวที่ 4.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ หดตัวที่ -22% ต่อปี ทั้งนี้ เงินทุนโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการยังมีอัตราขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านอุปทาน เครื่องชี้ภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 96.5 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 98.4 เครื่องชี้ด้านการบริการ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือน ขยายตัวที่ 6.7% และ 22.3% ต่อปี ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 67)
Tags: การท่องเที่ยว, การลงทุน, พรชัย ฐีระเวช, ภาคเอกชน, สศค., สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, เศรษฐกิจไทย