นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารเฉพาะกิจของรัฐทุกแห่งเป็นการเร่งด่วนเมื่อวานนี้ เพื่อสั่งการให้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งประชาชนรายย่อยและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยให้เสนอแผนงานกลับมาให้กระทรวงการคลังพิจารณาภายใน 1-2 สัปดาห์
เบื้องต้นทุกธนาคารเห็นตรงกันว่าจะมีการพักชำระหนี้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบไปจนสิ้นปี 64 จากปัจจุบันที่ช่วงเวลาพักหนี้ของธนาคารแต่ละแห่งไม่เท่ากัน และมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน โดยจะจัดทำเป็นมาตรการกลางแทน ซึ่งมีธนาคารของรัฐแห่งหนึ่งเสนอแผนช่วยเหลือลูกหนี้เป็นกรณีพิเศษ จากเดิมที่พักเงินต้นแต่ให้จ่ายดอกเบี้ยตามปกติหรือบางส่วน เป็นการพักชำระเงินต้นและลดดอกเบี้ยเหลือ 0% หรือ คิดแค่ 0.01% ต่อปีเท่านั้น
“เพื่อบรรเทาผลกระทบผู้ได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น โดยมาตรการแต่ละธนาคารสามารถดำเนินการได้เลย ไม่ต้องมติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะไม่ได้ขอรับการชดเชย ธนาคารยอมสูญเสียรายได้เพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่ยืนยันว่าไม่กระทบกับฐานะโดยรวมของธนาคาร เนื่องจากมีการตั้งสำรองในระดับสูง มีการบริหารความเสี่ยง จึงมีฐานะแข็งแกร่ง”
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว
นายกฤษฎา กล่าวว่า สำหรับการลดเพดานดอกเบี้ยเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีนั้น เรื่องนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนที่กระทรวงการคลังดำเนินการผ่านพิโกไฟแนนซ์และนาโนไฟแนนซ์ ก็มีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำพอสมควร ขณะที่ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐก็ดอกเบี้ยต่ำอยู่แล้ว บางมาตรการที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ก็มีอัตราดอกเบี้บต่ำกว่าสินเชื่อซอฟท์โลนด้วยซ้ำ
ส่วนกรณีของธนาคารพาณิชย์ กระทรวงการคลังจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เร็ว ๆนี้ เพื่อพิจารณาว่าสามารถทำได้หรือไม่ และทำได้มากน้อยแค่ไหน ในกลุ่มลูกค้าใดบ้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 64)
Tags: กระทรวงการคลัง, กฤษฎา จีนะวิจารณะ, ธนาคาร, ธนาคารพาณิชย์, ธนาคารเฉพาะกิจ, ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธปท., นาโนไฟแนนซ์, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ผู้ประกอบการ, พักชำระหนี้, พิโกไฟแนนซ์, มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้, หนี้ครัวเรือน, อัตราดอกเบี้ย, อาคม เติมพิทยาไพสิฐ