ครม. เห็นชอบแผนจัดการระดับชาติ เพื่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาสตอกโฮล์ม ว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ฉบับที่ 2 พ.ศ.2566-2570 มุ่งคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมสารเคมีที่เกิดจากการเผาขยะ การเผาในที่โล่ง
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแผนจัดการระดับชาติเพื่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาสตอกโฮล์ม ว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ฉบับที่ 2 พ.ศ.2566-2570 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผน ให้เป็นไปตามพันธกรณีของอนุสัญญาที่ไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกต่อไป
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า อนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน มีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยการลด และ/หรือ เลิกการผลิต การใช้และการปลดปล่อยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (Persistent Organic Pollutants: POPs) ซึ่งเป็นกลุ่มสารประกอบอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้ยาก มีคุณสมบัติเป็นพิษต่อมนุษย์และสัตว์ ตกค้างยาวนาน สามารถสะสมในสิ่งมีชีวิต ห่วงโซ่อาหาร และสิ่งแวดล้อมได้มาก และสามารถเคลื่อนย้ายได้ไกลในสิ่งแวดล้อม โดยอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้กับไทยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 48 เป็นต้นมา
สำหรับร่างแผนจัดการระดับชาติฯ ฉบับที่ 2 มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นแผนหลักของประเทศ ในการจัดการสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการจัดการสารมลพิษที่ตกค้างยาวนานให้ครอบคลุมสาร POPs ชนิดใหม่ 19 รายการ ให้มีความสอดคล้องกับการดำเนินงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ
2. เป้าหมาย เพื่อลด และ/หรือ เลิกการผลิต การใช้ และการปลดปล่อยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน เพื่อคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
3. ประเภทสารเคมีที่ต้องได้รับการติดตาม ควบคุม ตามแผนจัดการระดับชาติฯ ฉบับที่ 2 ได้แก่ สาร POPs ชนิดใหม่ 19 รายการ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
– สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เช่น สารไดโคฟอล (Dicofol)
– สารเคมีอุตสาหกรรม เช่น สารพีฟอสเอฟ (PFOS) ที่ใช้ในการดับเพลิงและเคลือบกระทะ
– สารเคมีที่ปลดปล่อยโดยไม่จงใจ เช่น สารเคมีที่เกิดจากการเผาขยะ การเผาในที่โล่ง กระบวนการผลิตโลหะ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีสารเคมีที่อยู่ภายใต้แผนจัดการระดับชาติฯ ฉบับแรกอีก 2 สาร ที่ยังคงต้องติดตามควบคุมการใช้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ สารไดออกซิน/ฟิวแรน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสารเคมีที่ปลดปล่อยโดยไม่จงใจที่เกิดจากการเผาขยะ และการเผาในที่โล่งเป็นส่วนใหญ่
4. แผนปฏิบัติการ (Action Plans) ภายใต้แผนจัดการระดับชาติฯ ฉบับที่ 2 ประกอบด้วย 16 แผนกิจกรรม ที่จะดำเนินการในช่วงปี พ.ศ.2566-2570 โดยได้กำหนดเป้าหมาย กิจกรรม ตัวชี้วัด หน่วยงานดำเนินการ ระยะเวลาดำเนินการ งบฯ และแหล่งเงิน ซึ่งมีหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน 37 หน่วยงานร่วมดำเนินการ
สำหรับตัวอย่างกิจกรรมที่สำคัญภายใต้แผนปฏิบัติการฯ เช่น
– การออกประกาศควบคุมสาร POPs ชนิดใหม่ให้เป็นวัตถุอันตราย ภายใต้ พ.ร.บ. วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และการพิจารณายกระดับการควบคุมและ/หรือกำหนดเงื่อนไขจำกัดการใช้สาร POPs ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตภายใต้อนุสัญญาฯ
– การปรับปรุงกฎระเบียบให้มีการรายงานข้อมูลการใช้สารพีฟอส (PFOS) รวมทั้งศึกษาความเหมาะสมของเทคโนโลยีในการกำจัดซากเคมีภัณฑ์ที่มีสาร PFOS
– ศึกษาความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่เหมาะสม สำหรับลดและจัดการสารเคมีที่ปลดปล่อยโดยไม่จงใจ เช่น ไดออกซินและฟิวแรน จากแหล่งกำเนิดประเภทอุตสาหกรรมรีไซเคิลเศษโลหะ
– ออกมาตรการจูงใจให้ผู้บริโภคและภาคเอกชน หันมาสนับสนุนสินค้าทางการเกษตรที่ปลอดการเผาในที่โล่ง และ/หรือมาตรการทางการเงินแก่เกษตรกร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มี.ค. 66)
Tags: ทิพานัน ศิริชนะ, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี, มลพิษ