น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (ฉบับที่ 3) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ซึ่งเป็นการเสนอขอปรับปรุงบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายของหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (UCEP) ที่ ครม.เคยมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 28 มี.ค.60 และ 28 ส.ค.61 ซึ่งครั้งนี้เป็นการขอปรับปรุงครั้งที่ 2 โดยขอเพิ่มรายการในหมวดที่ 3 ค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือดจำนวน 874 รายการ เพื่อให้ครอบคลุมการรักษาโรคร่วมกับอาการเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ทั้งนี้ที่ผ่านมาสถานพยาบาลไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายบางรายการที่มีความจำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต โดยเฉพาะกรณีเป็นโรครักษาร่วม เช่น ป่วยเป็นโรคเรื้อรังแล้วมีอาการฉุกเฉิน ซึ่งหากไม่รักษาโรคร่วมดังกล่าวแล้วจะรักษาอาการฉุกเฉินไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเพิ่มยาบางรายการเข้ามาในบัญชี โดยรายการในหมวดที่ 3 ค่ายาและค่าสารอาหารทางเส้นเลือดจำนวน 874 รายการที่เพิ่มขึ้นมานั้น เป็นรายการยาที่อยู่ในบัญชีข้อมูลยาและรหัสยามาตรฐานของไทย เช่น CELEBREX บรรเทาอาการอักเสบและอาการปวดในโรคข้อกระดูกเสื่อมและข้ออักเสบรูมาตอยด์ ราคาต่อหน่วยอยู่ที่ 29.188 บาท และ DYNASTAT(SEARLE) ระงับอาการปวดหลังผ่าตัด ราคาต่อหน่วย 279.7435 บาท เป็นต้น
น.ส.ไตรศุลี กล่าว่า ที่ผ่านมา ครม.มีมติเมื่อวันที่ 28 มี.ค.60 เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (UCEP) เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายใต้นโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” ของรัฐบาล โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.60 เป็นต้นมา และ ครม.มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ UCEP (ฉบับที่2) เมื่อวันที่ 28 ส.ค.61 โดยได้เพิ่มรายการในบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายจำนวน 1,649 รายการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 64)
Tags: UCEP, กระทรวงสาธารณสุข, ครม., ประชุมครม., ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต, มติคณะรัฐมนตรี, ยารักษาโรค, สถานพยาบาล, ไตรศุลี ไตรสรณกุล