ข้อมูลวิเคราะห์การติดตามเรือของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า การจราจรของเรือบรรทุกน้ำมันและเรือบรรทุกเชื้อเพลิงในทะเลแดงยังคงมีเสถียรภาพในเดือนธ.ค. 2566 แม้ว่าเรือพาณิชย์จำนวนมากได้เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือ เนื่องจากการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตี โดยทางกลุ่มอ้างว่าเป้าหมายคือเรือที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอล และเรือส่วนใหญ่ที่ถูกโจมตีคือเรือบรรทุกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน
แม้การโจมตีดังกล่าวจะส่งผลให้ค่าขนส่งและค่าประกันภัยเรือเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อการขนส่งน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ โดยบรรดาบริษัทขนส่งต่าง ๆ ยังคงเดินเรือผ่านทะเลแดง ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญที่เชื่อมระหว่างตะวันออกและตะวันตก
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไม่ได้สร้างผลกระทบแก่บรรดาบริษัทขนส่งส่วนใหญ่มากนัก เนื่องจากการขนส่งผ่านทางทะเลแดงยังคงคุ้มค่ากว่าการใช้เส้นทางผ่านทวีปแอฟริกา แต่ก็จำเป็นต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่บางแห่งเช่น บีพี (BP) และเอควินอร์ (Equinor) กำลังเปลี่ยนไปใช้เส้นทางขนส่งสินค้าที่มีระยะทางไกลกว่า นอกจากนี้ ต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นมีแนวโน้มว่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ซื้อในยุโรปบางรายนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐเพิ่มมากขึ้น
นางมิเชล วีส บ็อคมานน์ นักวิเคราะห์ด้านการขนส่งจากลอยด์ส ลิสต์ กล่าวว่า “เราไม่พบการหยุดชะงักของการจราจรของเรือบรรทุกน้ำมัน อย่างที่หลาย ๆ ฝ่ายคาดการณ์ไว้”
ข้อมูลจากมารีเทรซ (MariTrace) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการการติดตามการเดินเรือ ระบุว่า ในเดือนธ.ค. 2566 มีเรือบรรทุกน้ำมันและเรือบรรทุกเชื้อเพลิงเดินเรือผ่านเส้นทางทะเลแดงตอนใต้และอ่าวเอเดน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใกล้กับเยเมนและมีการโจมตีเกิดขึ้น เฉลี่ย 76 ลำต่อวัน ซึ่งนับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเดือนพ.ย. 2566 เพียง 2 ลำ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2566 เพียง 3 ลำเท่านั้น
ทางด้านเคปเลอร์ (Kpler) อีกหนึ่งบริษัทที่ให้บริการติดตามการเดินเรือ ระบุว่า มีเรือเดินทางในทะเลแดงและอ่าวเอเดนเฉลี่ย 236 ลำต่อวันในเดือนธ.ค. 2566 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนพ.ย. 2566 ที่ 230 ลำต่อวันเล็กน้อย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ม.ค. 67)
Tags: กลุ่มกบฏฮูตี, ขนส่งน้ำมัน, ทะเลแดง, เรือบรรทุกน้ำมัน