นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ลงพื้นที่ประชุมเตรียมการจัดงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ผู้อำนวยการคณะกรรมการส่งเสริม เพื่อติดตามผลและเตรียมความพร้อมการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ปี 2569 ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการจัดงานดังกล่าว โดยเน้นย้ำความถูกต้องตามระเบียบราชการ
ทั้งนี้ เป็นการจัดงานร่วมระหว่างกระทรวงเกษตรฯ จ.อุดรธานี สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สสปน. เป็นผู้รับสิทธิ์ในการรับผิดชอบในการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก พ.ศ.2565 โดยเป็นไปตามระบบและระเบียบการทำงานแบบสากลของสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPS) และ สสปน. ยังมีความสัมพันธ์กับสมาคมหรือองค์กรพืชสวนทั่วโลก
จากการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้กรมวิชาการเกษตร ร่างโครงสร้างและองค์ประกอบของการจัดตั้งสำนักงานจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจำนวน 2 แห่ง คือ กรมวิชาการเกษตร และ จ.อุดรธานี ให้มีโครงสร้างคล้ายกัน สำหรับการประสานและดำเนินการตามผังโครงสร้างการบริหารจัดงานฯ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกในการนำเข้า-ส่งออกพืช ในการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก
ทั้งนี้ เนื่องด้วยการจัดงานฯ เป็นการนำเข้าและส่งออกพืช เพื่อมาจัดงานดังกล่าวจากต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องกำหนดให้พื้นที่จัดงานฯ เป็นพื้นที่ควบคุมศัตรูพืช ตามพ.ร.บ.กักพืชฯ การเคลื่อนย้ายนำเข้าและออก ต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.กักพืชฯ ทราบ
นอกจากนี้ มีการพิจารณาตั้งด่านตรวจพืชท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี เพื่อตรวจสอบศัตรูพืชในสินค้านำเข้าและส่งออก รองรับการจัดงานและอนาคต เนื่องจากเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ มีการเข้าออกของชาวต่างชาติ โดยเชิญกรมศุลกากรเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดงานด้วย พร้อมเสนอให้จัดตั้งด่านตรวจพืชถาวรที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งภายหลังการประชุมในครั้งนี้จะได้นำเสนอกระทรวงเกษตรฯ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า สำหรับการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก มีธีมการจัดงานในหัวข้อ Harmony of Life (วิถีชีวิต สายน้ำ และพืชพรรณ) พื้นที่การจัดงานที่ ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์อยู่ในการดูแลของกระทรวงมหาดไทย มีพื้นที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็นพื้นน้ำ 400 ไร่ พื้นดิน 630 ไร่ ระยะเวลาการจัดงานทั้งสิ้นรวม 134 วัน
ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาด้านพืชสวนของไทย รวมถึงพื้นที่ชุ่มน้ำและพืชสมุนไพร ตลอดจนการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและเทคโนโลยีพืชสวนในระดับชาติ และระดับนานาชาติ รวมถึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย รองรับการเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ขณะเดียวกัน ได้กำหนดเป้าหมายที่คาดว่าจะได้รับจากการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกดังกล่าว คือการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ จากการประเมินผลการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) พบว่าจะก่อให้เกิดรายได้สะพัดถึง 32,000 ล้านบาท มีมูลค่าการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) 20,000 ล้านบาท เกิดการสร้างงาน 8,100 อัตรา และมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 7,700 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 36 ล้านคน และมีประเทศผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 65)
Tags: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, มนัญญา ไทยเศรษฐ์, มหกรรมพืชสวนโลก, ระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์, อุดรธานี, เฉลิมชัย ศรีอ่อน