นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวการทะลักเข้ามาของสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผักและผลไม้จีน หลังเปิดเส้นทางรถไฟลาว-จีนนั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งนับจากเปิดเที่ยวปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.64 กระทรวงเกษตรฯ ได้ตรวจสอบข่าวจากทั้งหน่วยงานในกระทรวง รวมถึงหน่วยงานในจังหวัดแล้ว ขอยืนยันว่าไม่ได้มีสินค้าทะลักมาตามข่าวดังกล่าว และยังไม่มีผู้ประกอบการมาติดต่อขอนำสินค้าเกษตรจำนวนมากผิดปกติ
โดยจากรายงานมีเพียงทางจีนได้ทดลองขนส่งผักมาไทยจำนวน 33 ตู้ เป็นผักเมืองหนาว รวมปริมาณ 600 ตัน มูลค่า 8.026 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเปลี่ยนเส้นทางขนส่งจากรถบนเส้นทาง R3A มาเป็นรถไฟ เนื่องจากการจราจรด่านโมฮ่านของจีนค่อนข้างแออัดเป็นอย่างมาก สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปจีนผ่านด่านรถไฟโม่ฮานยังไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรอการตรวจรับสถานที่ควบคุมตรวจสอบเฉพาะสำหรับสินค้านำเข้า โดยคาดว่าจะสามารถใช้งานได้ในเดือน เม.ย.65
“เรื่องดังกล่าว รมว.เกษตรฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งการดำเนินงานภายใต้ Fruit Board ประสานทูตเกษตร สมาคมและสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ของไทย กลุ่มผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร และหน่วยงานเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่ประจำด่าน เข้มงวดเรื่องการตรวจสอบคุณภาพ และดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด”
นายฉันทานนท์ กล่าว
กรณีเกิดการลักลอบสินค้าเกษตรเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่เกษตรตรวจพบ จะสามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที อีกทั้งยังได้มีการประสานงาน ร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงที่ดูแลรับผิดชอบบริเวณด่านชายแดนอย่างใกล้ชิด ตลอดจนประชาสัมพันธ์คุณภาพผลไม้ไทย และส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยในประเทศ พร้อมทั้งผลักดันการส่งออกผลไม้ไปยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมความพร้อมและอยู่ระหว่างเตรียมการส่งออกผัก ผลไม้ รวมทั้งกล้วยไม้ และยางพารา บนเส้นทางรถไฟไทย-จีน-ลาว โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสายไทย-ลาว-จีน ซึ่งกำหนดแนวทางการพัฒนา 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) การเตรียมความพร้อมของด่านและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น 2) การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร/อัตรากำลังประจำด่านเพื่อให้สามารถให้บริการได้เพียงพอ 3) การพัฒนาและเชื่อมโยงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เชื่อมต่อกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องด้านการ นำเข้า-ส่งออก (เช่น ระบบ NSW และการพัฒนาระบบให้รองรับการชำระค่าธรรมเนียมผ่านทาง e-payment เป็นต้น 4) ปรับปรุงกฎระเบียบ วิธีปฏิบัติรองรับการให้บริการส่งออก-นำเข้า ณ จุดผ่านแดนในระยะยาว
ด้านนายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ได้กำชับและสั่งการให้กรมวิชาการเกษตรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีการนำเข้าผักผลไม้จากจีน ด่านตรวจพืชหนองคายจะดำเนินการตรวจการนำเข้าอย่างเข้มงวดตามที่กฎหมายกำหนด โดยพบการนำเข้าสินค้าเกษตรทางรถไฟ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.64 เป็นสินค้าตระกูลกะหล่ำ 32 รายการ จำนวน 462 ตัน มูลค่า 8.27 ล้านบาท และบัวหิมะ 25.5 ตัน มูลค่า 467,032 บาท รวมทั้งสิ้น 33 ตู้
“ปัจจุบันยังไม่มีการนำเข้ามาทางรถไฟเพิ่ม เนื่องจากรอรวบรวมสินค้าเกษตรกลุ่มธัญพืชและอื่นๆ ให้เต็มทั้ง 33 ตู้ ส่งกลับออกไปขายให้กับพ่อค้าจีน กรณีการนำเข้าผลไม้จากจีนนั้น ไม่สามารถนำเข้าผ่านด่านหนองคายได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในข้อกำหนดในพิธีสารไทยจีน โดยในพิธีสารไทย-จีนกำหนดด่านที่นำเข้าส่งออกผลไม้จากจีน-ไทยได้เพียง 5 ด่านเท่านั้น ได้แก่ ด่านเชียงของ ด่านนครพนม ด่านมุกดาหาร ด่านผักกาดจันทบุรี และด่านบึงกาฬ”
นายภัสชญภณ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ธ.ค. 64)
Tags: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ฉันทานนท์ วรรณเขจร, ผลไม้, ผัก, ส่งออกสินค้าเกษตร, สศก., สินค้าเกษตร, เกษตร