นายรูเบน มาร์เกส ผู้บริหารอาวุโสของบริษัทหลุยส์ เดรย์ฟัส โค (Louis Dreyfus Co – LDC) ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์กล่าวว่า อุปทานข้าวในตลาดโลกเริ่มมีเสถียรภาพหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงมีแนวโน้มที่จะเผชิญความเสี่ยงจากภาวะอากาศแล้งอันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาข้าวหัก 5% ของไทย (RI-THBKN5-P1) และราคาข้าวหัก 5% ของเวียดนาม (RI-VNBKN5-P1) ลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ภายหลังจากอินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกระงับการส่งออกข้าว
นายมาร์เกสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ดูเหมือนว่าเราได้ผ่านพ้นภาวะอุปทานที่ตึงตัวอย่างมากไปแล้ว เราเผชิญทั้งการที่อินเดียระงับการส่งออกข้าวและอินโดนีเซียสั่งซื้อข้าวในปริมาณมาก ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างรุนแรง โดยทำให้ราคาข้าวพุ่งขึ้นอย่างมาก แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่าอุปทานและราคาข้าวเริ่มกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง”
อย่างไรก็ดี นายมาร์เกสเตือนว่า “อุปทานข้าวทั่วโลกยังคงมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้าย เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้สร้างผลกระทบอย่างหนัก และคาดว่าผลกระทบนั้นอาจจะยังคงอยู่ เนื่องจากอิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนีโญและสภาพอากาศที่แห้งแล้งเกินคาด”
ตลาดกำลังจับตาการผลิตข้าวจากเขตชลประทานในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยนายมาร์เกสกล่าวว่า “เราจำเป็นต้องจับตาระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำของประเทศที่มีการปลูกข้าวอย่างใกล้ชิด โดยในเดือนพ.ค.และเดือนมิ.ย.นี้ เราควรจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการปลูกข้าวในเขตชลประทานของประเทศเหล่านี้เป็นอย่างไรบ้าง”
ทั้งนี้ LDC เป็นหนึ่งในบริษัทซื้อขายข้าวรายใหญ่ของโลก โดยทำการจัดหาข้าวให้กับกลุ่มผู้ซื้อในเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)