นายทอร์บยอร์น ทอร์นควิสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกันวอร์ กรุ๊ป (Gunvor Group) บริษัทซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ข้ามชาติประเมินว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนต่อโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียส่งผลให้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลงประมาณ 600,000 บาร์เรลต่อวัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การโจมตีด้วยโดรนต่อโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งทั่วรัสเซียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบางแห่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในเขตแดนนั้น ส่งผลให้ราคาสัญญาน้ำมันดีเซลล่วงหน้าพุ่งสูงขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
“มันสำคัญมาก เพราะเห็นได้ชัดว่ามันจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นทันที” นายทอร์นควิสต์ให้สัมภาษณ์ในการประชุมประจำปีด้านพลังงาน (CERAWeek) ซึ่งจัดขึ้นโดยเอสแอนด์พี โกลบอล ในเมืองฮิวสตันเมื่อวันจันทร์ (18 มี.ค.) “มันอาจส่งผลให้การส่งออกลดลง 2-3 แสนบาร์เรล ดังนั้นสำหรับผม มันเป็นปัญหาด้านการกลั่น”
รายงานระบุว่า กันวอร์เป็นผู้ค้าปิโตรเลียมรายใหญ่ของรัสเซียก่อนที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเปิดฉากขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ถอนตัวออกจากการค้าปิโตรเลียมของรัสเซียในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคประเมินว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนส่งผลกระทบต่อกำลังการกลั่นน้ำมันของรัสเซียประมาณ 900,000 บาร์เรลต่อวัน ส่วนนักวิเคราะห์ซึ่งรวมถึงนาตาชา คาเนวา ระบุว่าอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนก่อนที่กำลังการกลั่นจะฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งการโจมตีดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 67)
Tags: น้ำมันดิบ, ยูเครน, รัสเซีย