บล.กสิกรไทย มองว่า สัปดาห์ถัดไป (23-27 ธ.ค.) ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,350 และ 1,340 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,375 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนพ.ย. ของไทย การทำ Window Dressing ช่วงสิ้นปี รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/2567 ของอังกฤษ ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมากกว่า 60 จุดภายในสัปดาห์เดียว และแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือนครึ่งในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยดัชนีหุ้นไทยร่วงลงเกือบตลอดสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายหลักๆจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงต้นสัปดาห์นอกจากจะเผชิญแรงขายเพื่อปรับโพสิชั่นก่อนการประชุมกนง.และเฟดแล้ว ยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีก(จากประเด็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งเข้าลงทุนในบริษัทย่อยซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลัก) โดยแรงขายข้างต้นส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงหลุดแนว 1,400 จุดในเวลาต่อมา
ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นได้ช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์รับอานิสงส์จากผลการประชุมกนง.
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงอีกครั้งสอดคล้องกับทิศทางหุ้นต่างประเทศหลังผลการประชุมเฟดซึ่งแม้เฟดจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาดแต่ได้ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องและแตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือนครึ่งที่ระดับ 1,361.34 จุดในช่วงท้ายสัปดาห์
ในวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,365.07 จุด ลดลง 4.65% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อนขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 50,657.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.66% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 4.60% มาปิดที่ระดับ 302.77 จุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, หุ้นไทย, เศรษฐกิจสหรัฐ