กลุ่มเซ็นทรัล ผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มคาเดเว ผู้ดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าหรูในเยอรมนี ชี้แจงกรณีที่กลุ่มคาเดเวได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยได้รับสิทธิในการบริหารแผนฟื้นฟูด้วยตนเอง (insolvency proceedings under self-administration) ในระหว่างกระบวนการดังกล่าว คณะผู้บริหาร ซึ่งนำโดยนายไมเคิล ปีเตอร์แซม จะยังคงปฏิบัติหน้าที่และควบคุมการดำเนินงานของธุรกิจเช่นเดิม และ ห้างสรรพสินค้าทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ห้างคาเดเว (KaDeWe) กรุงเบอร์ลิน, ห้างอัลสแตร์เฮาส์ (Alsterhaus) เมืองฮัมบูร์ก และห้างโอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) เมืองมิวนิก ก็ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
การเข้าแผนการฟื้นฟูของกลุ่มคาเดเวครั้งนี้ เป็นผลจากกรอบกฏหมายเฉพาะในประเทศเยอรมนี โดยธุรกิจห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัลที่อื่นในยุโรป ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและยังคงดำเนินธุรกิจต่อไปตามปกติ การลงทุนในกลุ่มคาเดเว เป็นการลงทุนส่วนตัว (private investment) ของกลุ่มเซ็นทรัลทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวข้องกับ บมจ. เซ็นทรัลรีเทล (CRC) และ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แต่อย่างใด
นายวิททอริโอ ราดิเช กรรมการ กลุ่มเซ็นทรัลยุโรป กล่าวว่า “การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของกลุ่มคาเดเว ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เสถียรภาพทางการเงิน และความมั่นคงของธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มเซ็นทรัลในยุโรป กระบวนการดังกล่าวเป็นสถานการณ์เฉพาะของกลุ่มคาเดเว อันสืบเนื่องมาจากอัตราค่าเช่าที่สูงเกินมาตรฐานในทุกสาขาที่บริษัทดำเนินงานอยู่ และไม่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด
กลุ่มเซ็นทรัลเชื่อมั่นว่ากระบวนการฟื้นฟูจะช่วยนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อบริษัทและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย กลุ่มเซ็นทรัลยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนกลุ่มคาเดเว และธุรกิจห้างสรรพสินค้าทุกสาขาของเราในยุโรป เพื่อมอบบริการและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเราเช่นเดิม”
ผลการดำเนินงานของกลุ่มคาเดเวที่ผ่านมาในด้านยอดขายถือว่าเติบโตเป็นที่โดดเด่น โดยในปีงบประมาณสิ้นสุด กันยายน 2566 สามารถสร้างยอดขายกว่า 728 ล้านยูโร (2 หมื่น 8 พันล้านบาท) สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับแต่ก่อตั้งบริษัทมา และเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด19 ในปี 2562
ธุรกิจที่กำลังเติบโต สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการลงทุนปรับปรุงร้านให้กลายเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่ชั้นนำของโลก บริษัทมีผลกำไรก่อนค่าเช่าเป็นที่น่าพอใจ อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับห้างชั้นนำอื่นๆ ในยุโรป แต่เนื่องจากภาระค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นสูงจนอยู่ในระดับเกินกว่ามาตรฐานทั่วไปในตลาดมากในทั้งสามสาขา ทำให้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน สภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงอย่างก้าวกระโดด (hyperinflation) จากสงครามในยูเครน ทำให้ค่าเช่าปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถทำกำไรได้
ปัจจัยดังกล่าว ทำให้ฝ่ายบริหารของกลุ่มคาเดเวมีความจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อศาลแขวงชาร์ล็อตเต็นบูร์ก กรุงเบอร์ลิน เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดย ขอสิทธิในการบริหารแผนฟื้นฟูด้วยตนเอง (insolvency proceedings under self-administration) ซึ่งคำร้องดังกล่าวได้รับการอนุมัติแล้ว โดยนาย คริสเตียน กราฟ บร็อคดอร์ฟ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินชั่วคราว
นายวิททอริโอ ราดิเช กล่าวเพิ่มเติมว่า “ที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลได้ให้การสนับสนุน และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องอัตราค่าเช่าสูงของบริษัทมาโดยตลอด แต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ กับผู้ให้เช่าได้ ทั้งนี้กลุ่มเซ็นทรัลพร้อมที่จะเข้ามาสนับสนุน ให้วงเงินช่วยเหลือแก่บริษัทต่อไป หากบริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้ให้เช่าในการปรับโครงสร้างค่าเช่าให้ลดลงสอดคล้องกับราคาตลาด ซึ่งจะสามารถคลี่คลายปัญหา เพื่อให้กลุ่มคาเดเวได้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างยั่งยืน
การที่คำร้องขอฟื้นฟูกิจการได้รับการอนุมัติสิทธิในการบริหารแผนฟื้นฟูด้วยตนเองจากศาลแขวงชาร์ล็อตเต็นบูร์ก กรุงเบอร์ลิน เป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้ฝ่ายบริหารของกลุ่มคาเดเว ยังคงมีอำนาจในการควบคุมการบริหารกิจการ ในขณะที่มีการเจรจาปรับโครงสร้างภาระค่าเช่าที่สูงกว่ามาตรฐาน กลุ่มเซ็นทรัลยังคงมุ่งมั่นในการสนับสนุนกลุ่มคาเดเว และผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกที่เป็นที่พอใจสูงสุดภายใต้กรอบของกฎหมายของประเทศเยอรมนี”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 67)
Tags: กลุ่มเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้า, เยอรมนี