คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ออกประกาศ เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
โดยระบุว่า เนื่องจากจังหวัดกระบี่ได้กำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเข้มงวดก่อนหน้านี้ และได้มีการผ่อนคลายมาระยะหนึ่งหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ลดลง
แต่สถานการณ์ปัจจุบันได้มีการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่มีการกระจายไปหลายอำเภอ อีกทั้งมีผู้ติดเชื้อยืนยันที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่อง จังหวัดกระบี่จึงต้องยกระดับความเข้มข้นของมาตรการ ควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็ว โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน เป็นต้นไป
1. สำหรับผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดกระบี่ ต้องปฏิบัติดังนี้
- ต้องมีเอกสารยืนยันว่าได้รับวัคซีนโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง ครบตามจำนวน หรือแอสตร้าเซนเนก้า 1 เข็ม มาไม่น้อยกว่า 14 วัน
- ต้องมีเอกสารยืนยันผลการตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid antigen Test ไม่เกิน 7 วัน ก่อนการเดินทาง
สำหรับผู้ที่มีอายุ 7-18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ Rapid antigen Test ไม่เกิน 7 วัน ก่อนการเดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ไม่ต้องมีผลการตรวจเชื้อ พร้อมลงทะเบียน QT14
- ให้มีการรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ ด่านตรวจชุมชน หรือด่านตรวจท่าเรือ หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่เข้าพำนัก ภายใน 24 ชม.
2. ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เข้า-ออก จังหวัดกระบี่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
3. ให้นายอำเภอทุกอำเภอ ใช้ด่านชุมชนทำหน้าที่คัดกรอง และอนุญาตการเดินทางเข้า-ออก โดยพิจารณาถึงเหตุความจำเป็น และยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ
4. ให้ทุกอำเภอกำหนดการปิด-เปิด สถานบริการหรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค ดังนี้
4.1 ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มทุกประเภท มีข้อกำหนดดังนี้
- อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารได้ไม่เกิน 25% ของพื้นที่นั่งทั้งหมด และเปิดได้ไม่เกิน 20.00 น. ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้ดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน และงดใช้เครื่องปรับอากาศ
- ในพื้นที่ อ.คลองท่อม และ อ.เหนือคลอง ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับได้เท่านั้น
4.2 ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ไม่เกินเวลา 20.00 น. โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ งดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และงดตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม และสวนสนุก กรณีร้านอาหาร ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่ให้ซื้อกลับไปรับประทานที่บ้าน
4.3 ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด ตลาดนัด ถนนคนเดิน ตลาดโต้รุ่ง เปิดได้เวลา 05.00 – 20.00 น. ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทานอาหารในตลาด โดยจัดการระบายอากาศภายในให้โล่ง และดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
4.4 ปิดร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านประกอบกิจการอาบ อบ นวด รวมถึงกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันทุกประเภท
4.5 ปิดสถานที่ออกกำลังกาย สนามกีฬา ยิม และฟิตเนส
4.6 โรงเรียนและสถาบันการศึกษาทุกประเภท ไม่อนุญาตให้ใช้อาคารหรือสถานที่ เพื่อจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม หรือการทำกิจกรรมใดๆ โดยให้มีการเรียนการสอนแบบ online เท่านั้น
4.7 ปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และสถานที่รับเลี้ยงเด็ก
4.8 ระบบขนส่งสาธารณะ เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 04.00 – 20.00 น.
5. งดการจัดกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มเกิน 5 คน เว้นแต่เป็นกิจกรรมที่ได้ประสาน และเตรียมการไว้ล่วงหน้า ซึ่งดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐ หรือการจัดกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
6. งดการจัดกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ หรืองานรื่นเริง งานตามประเพณี ยกเว้นกรณีงานศพให้ดำเนินการได้ แต่จำกัดผู้ร่วมงานไม่เกิน 20 คน และงดเว้นการจัดเลี้ยงอาหาร อาหารว่าง เครื่องดื่มทุกชนิด ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
7. ขอความร่วมมืองดออกจากบ้านในช่วงเวลา 21.00 – 04.00 น.
การดำเนินรูปแบบการปฏิบัติงาน
1. ให้เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการภาคเอกชน พิจารณาและดำเนินรูปแบบการปฏิบัติงานของบุคลากรให้เหมาะสม โดยอาจเป็นการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) การสลับวันทำงาน หรือวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม เพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากการติดเชื้อ
2. ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือหัวหน้าหน่วยงาน ต้องจัดให้มีการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา หรือการปฏบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) ตามความเหมาะสม เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ให้ทุกอำเภอ ดำเนินการจัดทำ COMMUNITY ISOLATION อำเภอละอย่างน้อย 1 แห่ง และจัดทำ HOME ISOLATION ให้เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยในสถานการณ์แพร่ระบาดให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ สำหรับ อ.คลองท่อม และ อ.เหนือคลอง ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 สัปดาห์
กระบี่ขยายเวลาปิดเกาะพีพี อีก 7 วัน ตั้งแต่ 18-24 กันยายน
นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกระบี่ ได้ออกประกาศ กำหนดมาตรการในพื้นที่เสี่ยงเป็นการชั่วคราว ขยายเวลาการปิดพื้นที่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ อีก 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-24 กันยายน 2654 ดังนี้
1. มาตรการในการเข้าพื้นที่เกาะพีพี
นักท่องเที่ยวต่างชาติจากโครงการ Phuket Sandbox 7+7
- สามารถเข้าพื้นที่ได้หลังจากอยู่ในจังหวัดภูเก็ตครบ 7 วัน
- จึงสามารถเข้าพื้นที่เกาะพีพีได้ ในช่วงของวันที่ 8-14
- ต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขรับรอง
- มีเอกสารยืนยันการตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR โดยตรวจครั้งแรก (วันที่ 0) และตรวจครั้งที่สอง (วันที่ 6) ผลการตรวจไม่พบเชื้อ ภายใน 72 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้บุคคลในกลุ่มอื่นๆ เข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด ยกเว้นได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่
2. มาตรการในการออกจากพื้นที่เกาะพีพี
นักท่องเที่ยวต่างชาติจากโครงการ Phuket Sandbox 7+7
- สามารถออกจากพื้นที่ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ของการพำนักใน Sandbox
- หรือได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ครั้งที่ 3 (วันที่ 12) ผลการตรวจไม่พบเชื้อ
นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มอื่นๆ ที่มีเที่ยวบินเดินทางออกนอกประเทศ
- สามารถออกจากพื้นที่ได้ โดยต้องมีผลการตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR หรือ ATK ไม่เกิน 72 ชม.ก่อนเดินทาง
ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้บุคคลในกลุ่มอื่นๆ ออกนอกพื้นที่โดยเด็ดขาด ยกเว้นได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
ให้มีด่านตรวจที่ท่าเรือเกาะพีพี และมีหน้าที่ตรวจคัดกรอง และตรวจสอบเอกสารยืนยันอย่างเคร่งครัด หากพบว่าไม่มีเอกสารยืนยันดังกล่าว จะไม่อนุญาตให้เข้า-ออกพื้นที่เกาะพีพี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 64)
Tags: COVID-19, Phuket Sandbox, กระบี่, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่, โควิด-19