นายเซจิ อาดาชิ หนึ่งในกรรมการบริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า เศรษฐกิจในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะทำให้บริษัทต่างๆของญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งจะช่วยให้ BOJ สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้
นายอาดาชิกล่าวว่า แม้บรรดาร้านอาหารและโรงแรมยังจำเป็นต้องแบกรับต้นทุนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ผู้บริโภคอาจเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับร้านค้าที่คิดค่าบริการเพิ่ม
“สถานการณ์เช่นนี้จะช่วยให้บริษัทต่างๆมีโอกาสที่จะปรับขึ้นค่าสินค้าและการบริการ และเราคาดว่า เศรษฐกิจหลังยุคโควิดอาจทำให้ BOJ มีโอกาสอย่างมากที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% หากธุรกิจค้าปลีกสามารถเรียกเก็บค่าบริการได้เพิ่มขึ้น ไม่เหมือนกับในยุคที่ญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะเงินฝืดในอดีต” นายอาดาชิกล่าว
นายอาดาชิยังได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินของ BOJ โดยกล่าวว่า BOJ จำเป็นต้องคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษเอาไว้อีกระยะหนึ่ง เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย และควรพิจารณาเรื่องการขยายโครงการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยโครงการดังกล่าวจะหมดอายุลงในเดือนก.ย.นี้
“เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบริษัทบางแห่งของญี่ปุ่นยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการระดมเงินทุน ดังนั้น BOJ ควรเริ่มทำการอภิปรายว่าเราควรจะขยายโครงการช่วยเหลือออกไปหรือไม่” นายอาดาชิกล่าว
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2563 ที่ประชุม BOJ มีมติขยายโครงการเพื่อสนับสนุนการระดมเงินทุนให้กับภาคเอกชนออกไปอีก 6 เดือนจนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปีนี้ เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอน นอกจากนี้ BOJ ประกาศใช้มาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาภาวะชะงักงานด้านการระดมทุน ซึ่งรวมถึงการจัดหาเงินกู้ให้กับธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ย 0% เพื่อให้ธนาคารเหล่านี้สามารถปล่อยกู้ให้กับบริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 64)
Tags: BOJ, ญี่ปุ่น, ธนาคารกลางญี่ปุ่น, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจญี่ปุ่น