ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2566 โดยยังคงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้ไว้ตามเดิมที่ 3.0-3.5% แต่ปรับประมาณการส่งออกปีนี้ ลดลงมาอยู่ที่ -2 ถึง 0% จากเดิม -1 ถึง 0% และปรับลดกรอบเงินเฟ้อ ลงมาอยู่ที่ 2.2-2.7% จากเดิม 2.7-3.2%
ทั้งนี้ ในที่ประชุม กกร. มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยภาคการท่องเที่ยวดีขึ้น จากทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่คาดว่าจะขึ้นไปถึง 29-30 ล้านคน รวมทั้งรายได้รวมจากท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นจากรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้นด้วย กกร.คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 66 ยังเติบโตได้ราว 3.0-3.5% ตามกรอบเดิมที่เคยประเมินไว้ เนื่องจากการบริโภคภาคเอกชนยังถูกกดดันจากค่าครองชีพ และหนี้ครัวเรือนในระดับสูงที่ 90.6% ต่อ GDP ทำให้ผู้บริโภคมีข้อจำกัด และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น
ส่วนมูลค่าการส่งออกปีนี้ ประเมินว่าจะหดตัว -2 ถึง 0% หดตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยประเมินไว้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อ แม้ยังมีความเสี่ยงจากภัยแล้ง (เอลนีโญ) และหากจะมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ แต่ก็ยังคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 2.2-2.7% ต่ำลงกว่าที่ประเมินไว้เดิม ตามทิศทางราคาพลังงาน
ด้านเงินบาท อ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค สาเหตุจากเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มกลับมาเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เดิม ประกอบกับเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวก็คาด จึงทำให้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าชั่วคราว แต่เชื่อว่าจะทยอยกลับมาแข็งค่าได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายขาขึ้นของไทย และปัจจัยความไม่แน่นอนในประเทศที่คลี่คลายลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ค. 66)
Tags: GDP, กกร., ส่งออก, เงินเฟ้อ, เศรษฐกิจไทย